บทที่ 2 แบบจำลองเครือข่าย
องค์กร ISO และแบบจำลอง OSI
องค์กรกำหนดมาตรฐานสากลหรือ ISO
จัดเป็นองค์กรหนึ่งที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานสากล
โดยในปี ค.ศ. 1970 ทาง ISO
ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสร้างแบบจำลองสถาปัตยกรรมเครือข่าย
ขึ้น เพื่อใช้เป็นรูปแบบมาตรฐานในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า แบบจำลอง OSI (Open
Systems Interconnection) และในปี ค.ศ. 1984 ก็ได้มีการประกาศใช้แบบจำลอง
OSI อย่างเป็นทางการเพื่อใช้เป็นแบบอ้างอิงเครือข่ายมาตรฐานสากล
คำว่า Open Systems ก็คือ ระบบเปิด
ซึ่งหมายความว่าอนุญาตให้ระบบสามารถสื่อสารกันได้ถึงแม้ว่าอุปกรณ์จะมีรูป
แบบทางสถาปัตยกรรมระบบที่แตกต่างกัน กล่าวคือมาตรฐานแบบจำลอง OSI
ที่จัดทำขึ้นมานั้น
มีจุดประสงค์เพื่อให้ระบบที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารร่วมกันได้
ด้วยมาตรฐานการสื่อสารที่เป็นสากล
โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปเปลี่ยนแปลงตรรกใด ๆ
บนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
แบบจำลอง OSI หมายถึง แบบจำลองสถาปัตยกรรมเครือข่าย
เพื่อใช้เป็นรูปแบบมาตรฐานในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์
จุดประสงค์เพื่อให้ระบบที่แตกต่งกันสามารถสื่อสารร่วมกันได้
ด้วยมาตรฐานการสื่อสารที่เป็นสากล
อย่างไรก็ตาม แบบจำลอง OSI มิใช่โพรโทคอล
แต่เป็นเพียงแบบจำลองแนวคิด
ซึ่งเป็นเพียงทฤษฎีที่ช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของแต่ละชั้น
สื่อสาร เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ออกแบบระบบสื่อสาร ทั้งนี้แบบจำลอง OSI
ยังถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานความยืดหยุ่นและคงทนต่อการนำไปประยุกต์ใช้งาน
โดยแต่ละชั้นสื่อสารยังสามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างเหมาะสม
แบบจำลอง OSI
มีกรอบการทำงานด้วยการแบ่งเป็นชั้นสื่อสารที่เรียกว่าเลเยอร์ (Layer)
แต่ละเลเยอร์จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน
รวมถึงฟังก์ชันหน้าที่ที่รับมอบหมายในเลเยอร์นั้น ๆ โดยเฉพาะ
ชั้นสื่อสารต่าง ๆ
ที่กำหนดขึ้นจะถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสื่อสารร่วมกัน ซึ่งมีทั้งหมด 7
ชั้นด้วยกันกคือ
- ชั้นสื่อสารฟิสิคัล (Physical Layer)
- ชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์ (Data Link Layer)
- ชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์ก (Network Layer)
- ชั้นสื่อสารทรานสปอร์ต (Transport Layer)
- ชั้นสื่อสารเซสชั่น (Session Layer)
- ชั้นสื่อสารพรีเซนเตชั่น (Presentation Layer)
- ชั้นสื่อสารแอปพลิเคชั่น (Application Layer)
แต่ก็ใช่ว่าเทคโนโลยีเครือข่ายทั้งหมดจะต้องอ้างอิงชั้นสื่อสารบนแบบ จำลอง
OSI ครบทั้งเจ็ด
เนื่องจากบางเทคโนโลยีอาจรวบชั้นสื่อสารบางชั้นมาเป็นเลเยอร์เดียวกัน
หรืออาจข้ามการทำงานบางเลเยอร์กรณีเลเยอร์นั้นไม่จำเป็นต่อการใช้งาน
แนวความคิดในการแบ่งชั้นสื่อสาร
- เพื่อลดความซ้ำซ้อน ทำให้เรียนรู้และทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
- เพื่อให้แต่ละชั้นสื่อสารมีบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนและแตกต่างกัน
- เพื่อให้แต่ละชั้นสื่อสารปฏิบัติงานตามฟังก์ชันหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
- จากขอบเขตความรับผิดชอบในแต่ละชั้นสื่อสาร ทำให้การสื่อสารเกิดความคล่องตัว และเป็นการป้องกันกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงบนชั้นสื่อสารหนึ่ง ๆ แล้วส่งผลกระทบต่อชั้นสื่อสารอื่น ๆ
- จำนวนชั้นสื่อสารจะต้องมีจำนวนมากเพียงพอ และเหมาะสมต่อการจำแนกหน้าที่การทำงานให้กับแต่ละชั้นสื่อสาร และไม่ควรมีมากจนดูเทอะทะ เกินความจำเป็น
ชั้นสื่อสารในแบบจำลอง OSI (Layers in The OSI Model)
1. ชั้นสื่อสารฟิสิคัล (Physical Layer)
ชั้นสื่อสารฟิสิคับจะทำหน้าที่ประสานการทำงานในเรื่องของการส่งกระแสบิต
(Bit Stream) บนสื่อกลางที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดทางกลไก
และทางไฟฟ้าของการอินเตอร์เฟซและสื่อส่งข้อมูล
รวมถึงข้อกำหนดด้านฟังก์ชันการทำงาน
และขั้นตอนการทำงานของอุปกรณ์ที่จะนำมาอินเตอร์เฟซเพื่อการส่งข้อมูล
2. ชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์ (Data Link Layer)
ชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์มีหน้าที่ส่งมอบข้อมูลในลักษณะ Hop-to-Hop
(Node-to-Node) สำหรับหน่วยข้อมูลในชั้นนี้จะถูกจัดเก็บในรูปแบบของเฟรม
(Frame) รับหน้าที่ว่าจะจัดส่งเฟรมไปยังเครือข่ายได้อย่างไร
เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมาจากชั้นสื่อสารฟิสิคัลนั้น
อาจมีสัญญาณรบกวนหรือข้อผิดพลาดปะปนมาพร้อมกับสัญญาณข้อมูล
ดังนั้นชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์จึงต้องมีกระบวนการตรวจจับ
และแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้น
เพื่อบริการแก่ชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์กที่อยู่สูงถัดไป
3. ชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์ก (Network Layer)
สำหรับชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์กจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งแพ็กเก็ตจากต้น
ทางไปยังปลายทางผ่านเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายด้วยกัน
ความแตกต่างระหว่างชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์และเน็ตเวิร์กก็คือ
หน่วยข้อมูลบนชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์กจะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ที่เรียกว่า
แพ็กเก็ต (Packet) แต่ละแพ็กเก็ตจะถูกส่งไปยังปลายทาง
ซึ่งระหว่างทางอาจมีเครือข่ายย่อยที่ลิงก์เชื่อมต่อมากมายรวมถึงการส่งข้าม
เครือข่ายต่างชนิดกัน
ในขณะที่ชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์จะมีหน่วยข้อมูลในรูปแบบของเฟรม
ที่จัดส่งไปยังโหนดปลายทางภายในลิงก์เดียวกันเท่านั้น
4. ชั้นสื่อสารทรานสปอร์ต (Transport Layer)
ชั้นสื่อสารทรานสปอร์ตจะทำหน้าที่ส่งมอบข้อมูลในลักษณะ Process-to-Process
คำว่าโพรเซสในที่นี้ก็คือโปรแกรมประยุกต์ใด ๆ ที่รันอยู่บนเครื่องโฮสต์
ดังนั้นหากมีโปรแกรมรันอนู่บนเครื่องโฮสต์หลาย ๆ โปรแกรม
นั่นหมายถึงมีหลายโปรเซสรันอยู่ในขณะนั้น โดยการส่งข้อมูลแบบ
Source-to-Destination
บนชั้นส่อสารเน็ตเวิร์กซึ่งปกติจะรับส่งข้อมูลเพียงโพรเซสเดียว
คงไม่สามารถรองรับการส่งมอบข้อมูลหลาย ๆ โพรเซสนี้ได้
ดังนั้นชั้นสื่อสารทรานสปอร์ตจึงต้องรับหน้าที่ในการส่งมอบข้อมูลระหว่างโพ
รเซสจากต้นทางไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้อง
5. ชั้นสื่อสารเซสชัน (Session Layer)
การบริการบน 3 ชั้นสื่อสารแรก (ฟิสิคัล ดาต้าลิงก์ และเน็ตเวิร์ก)
อาจไม่เพียงพอสำหรับบางโพรเซส
ดังนั้นชั้นสื่อสารเซสชันขึ้นไปจึงทำหน้าที่บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้
ใช้
ชั้นสื่อสารเซสชันมีหน้าที่ควบคุมการสื่อสาร
การจัดการแลกเปลี่ยนข่าวสารที่เกิดขึ้นระหว่างโฮสต์
โดยการสื่อสารที่กำลังดำเนินการอยู่ ณ ขณะใดขณะหนึ่งจะเรียกว่า เซสชัน
ทั้งนี้หลาย ๆ
เซสชันที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการทำงานของคนเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้
ตัวอย่างเช่น
การล็อกอินแบบระยะไกลของเทอร์มินับเพื่อเข้าใช้บริการบนเครื่องโฮสต์ในแต่ละ
ครั้ง ก็ถือเป็นเซสชั่นหนึ่งที่ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
การล็อกอิน > การกรอกรหัสผ่าน > การใช้โฮสต์ > การออกจากระบบ
หรือเซสชั่นของการสนทนาที่ประกอบด้วยขั้นตอน
การเริ่มสนทนา > การสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล > การจบการสนทนา
โดยหลังจากที่ได้สร้างเซสชันเรียบร้อยแล้ว การรับส่งข้อมูลก็จะเป็นหน้าที่ของชั้นสื่อสารทรานสปอร์ต
6. ชั้นสื่อสารพรีเซสเตชัน (Presentation Layer)
เป็นชั้นสื่อสารที่นำเสนอเกี่ยวกับการแปลงข้อมูลให้มีรูปแบบและความหมาย
เดียวกัน กล่าวคือระบบคอมพิวเตอร์แต่ละระดับ
อาจใช้รหัสแทนข้อมูลที่แตกต่างกันได้ เช่น บนพีซีคอมพิวเตอร์ก็จะใช้รหัส
ACSII หรือ Unicode ในขณะที่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ก็จะใช้รหัส EBCDIC
ดังนั้นด้วยหน้าที่รับผิดชอบของชั้นสื่อสารพรีเซนเตชั่น
จะทำให้ทั้งสองระบบที่ถึงแม้จะใช้รหัสแทนข้อมูลที่แตกต่างกันสามารถนำเสนอ
ข้อมูลได้อย่างเข้าใจทั้งสองฝ่าย โดยจะมีกระบวนการแปลงข้อมูล (Translation)
ให้สามารถนำเสนอได้อย่างถูกต้อง กล่าวคือ ฝั่งส่งจะส่งข้อมูลอะไรไปก็ตาม
ฝั่งรับก็จะได้รับข้อมูลตามนั้นด้วย
7. ชั้นสื่อสารแอปพลิเคชัน (Application Layer)
เป็นชั้นสื่อสารระดับประยุกต์ที่มุ่งเน้นการติดต่อกับผู้ใช้
ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ซึ่งอาจเป็นบุคคลหรือซอฟต์แวร์สามารถเข้าถึงเครือข่ายได้
โดยจะมียูสเซอร์อินเทอร์เฟซเพื่อสนับสนุนงานบริการต่าง ๆ เช่น
การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
การติดต่อเครือข่ายแบบระยะไกลเพื่อเข้าถึงข้อมูลและถ่ายโอนข้อมูล
การแชร์ฐานข้อมูลและการบริการอื่น ๆ เป็นต้น
แบบจำลองอินเทอร์เน็ต (Internet Model)
แบบจำลองอินเทอร์เน็ต หรือชุดโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control
Protocol / Internet Protocol) ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาก่อนแบบบจำลอง OSI ดังนั้น
ชั้นสื่อสารของแบบจำลองอินเทอร์เน็ตจึงไม่ตรงกับแบบจำลอง OSI
แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีที่แบบจำลองทั้งสองต่างก็มีหลักการทำงานที่คล้าย
คลึงกันมาก
สำหรับต้นฉบับของแบบจำลองอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย 4 ชั้นสื่อสาร คือ
- ชั้นสื่อสารโฮสต์ทูเน็ตเวิร์ก (Host-to-Network Layer)
- ชั้นสื่อสารอินเทอร์เน็ต (Internet Layer)
- ชั้นสื่อสารทรานสปอร์ต (Transport Layer)
- ชั้นสื่อสารแอปพลิเคชั่น (Application Layer)
โดยที่ชั้นสื่อสารโฮสต์ทูเน็ตเวิร์กเป็นการรวบชั้นสื่อสารฟิสิคัลและดา
ต้าลิงก์เข้าด้วยกัน ชั้นสื่อสารอินเทอร์เน็ตก็คือชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์ก
และชั้นสื่อสารแอปพลิเคชั่นก็จะรวบชั้นสื่สารเซสชั่น
พรีเซนเตชั่นและแอปพลิเคชั่นเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม
หนังสือเล่มนี้จะอ้างอิงแบบจำลองอินเทอร์เน็ตที่ประกอบด้วย 5
ชั้นสื่อสารด้วยกันคือ ชั้นสื่อสารฟิสิคัล ดาต้าลิงก์ เน็ตเวิร์ก
ทรานสปอร์ต และแอปพลิเคชั่น
สรุป
การบวนการสื่อสารที่เริ่มจากฝั่งส่ง
ที่มีการเคลื่อนย้ายข้อมูลจากเลเยอร์หนึ่งไปยังเลเยอร์ถัดไปด้านล่างในรูป
แบบ 7-6-5-4-3-2-1
ซึ่งแต่ละเลเยอร์จะเตรียมเฮดเดอร์เพื่อนำไปปะเพิ่มกับหน่วยข้อมูล
เราเรียกกระบวนการนี้ว่า เอนแคปซูเลชัน (Encapsulation)
เมื่อสัญญาณถูกส่งผ่านลิงค์จะไปถึงจุดหมายปลายทาง
หน่วยข้อมูลก็จะเคลื่อนย้ายย้อนกลับขึ้นไปตามลำดับ 1-2-3-4-5-6-7
จากนั้นแต่ละเลเยอร์ก็จะถอดเฮดเดอร์เฉพาะส่วนที่เป็นของตนออก
เราเรียกกระบวนการนี้ว่า ดีแคปซูเลชัน (Decapsulation)
- ชั้นสื่อสารฟิสิคัล (Physical Layer) มีหน้าที่เคลื่อนย้ายข้อมูลระดับบิตจากโหนดหนึ่งไปยังโหนดถัดไป
- ชั้นสื่อสารดาต้าลิงก์ (Data Link Layer) มีหน้าที่เคลื่อนย้ายเฟรมจากโหนดหนึ่งไปยังโหนดถัดไป
- ชั้นสื่อสารเน็ตเวิร์ก (Network Layer) มีหน้าที่ส่งมอบแพ็กเก็ตจากโฮสต์ต้นทางไปยังโฮสต์ปลายทาง
- ชั้นสื่อสารทรานสปอร์ต (Transport Layer) มีหน้าที่ส่งมอบข่าวสารจากโพรเซสต้นทางไปยัง
โพรเซสปลายทาง - ชั้นสื่อสารเซสชั่น (Session Layer) มีหน้าที่ควบคุมการสื่อสารและการซิงโครไนซ์
- ชั้นสื่อสารพรีเซนเตชั่น (Presentation Layer) มีหน้าที่แปลงข้อมูล เข้ารหัสข้อมูล และบีบอัดข้อมูล
- ชั้นสื่อสารแอปพลิเคชั่น (Application Layer) มีหน้าที่จัดการงานบริการให้แก่ผู้ใช้
เเหล่งอ้างอิง
https://sites.google.com/site/networkcound/baeb-calxng-kherux-khay
https://13fecc1f-a-62cb3a1a-s-sites.googlegroups.com/site/networkcound/baeb-calxng-kherux-khay/OSI_model.jpg?attachauth=ANoY7cqMrHXrlQ42glhnAsFT3nG96OJIxELnIBkbQ-RkI_Xwy6ijnoGwA8hG_Nj3BX0csY6AAEnmr00JnEUkGsy9WFY7f3Oq_k9ulQfsosYVXGDUaHr_xJq-lU4nVEF10cT63jC7LGSXiZlSvFeidJ8SwkopCpZJ60YfSyZPZgmHvjFAS1KUNnRkH5UJlNK4ssxY6ImQGSG5qe6tE_FbfIxVWjC7QeC8kqlFk_m7p02IWJkEWs2Rur01-gz1VeBo7TFCEgfAspp0&attredirects=0
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCraVJau2eCx4mZgtTuX0OuOqdE4SzdcoF9v0pBayjiu66N6mzuZzo9NNe6Xytn7AkRQ5E5A8CHTj95HswPspG0RL-YcrYa50H0m7095fE6pXznjBFODTeOCeSh3LrBHtHb5mid47wOL8/s1600/2014-04-24-dia-mundial-da-internet-segura_g.jpg
http://cms.toptenthailand.net/file/picture/20160215140111915/20160215140111915.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWilA87AoibxWryEXB7NlqIuYsbv5g6M3_97C_pJlW6UeCZ5MEKYwOgFD-fphuqnQw7LxD8gIH5Fz_s8Pz6-Kesap4ik0POB7fZq_wnMWO7T3xmbthOnO3zZ1BXkAjc-uSHoxQ-tLlS2ei/s1600/osi-model.jpg
http://protechcs.com/wp-content/uploads/2014/09/network_fitted.png
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh6m8tAexDTZ15-EJ0r09QxwtGY3keF53rSQtQRVGSaPnxq3XcSr3xTAmiCFX2TSCDhfpSo30DbUza-0_KmgtUaop4kzZW44MkOJAqG8H16GykDKL_UQp7eqdznn4enUDXeWsEBESpFHMI0/s1600/a27%255B1%255D.gif
https://sites.google.com/site/jidapawsk/_/rsrc/1294128184315/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-4-osi-model/4-1-physical-layer/a26.gif
http://www.daydev.com/images/stories/OSI-model/7-layers.jpg








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น